สื่อเผย เอริค เทน ฮาก วางแผนปรับโครงสร้างแนวรับของทีมอีกครั้งในช่วงตลาดซัมเมอร์นี้ โดยแผนแรกคือต้องยอมปล่อยแนวรับที่มีอยู่และไม่ค่อยใช้งานอย่าง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กับ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ออกไปก่อน

สื่อรายงานข่าว "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังพรีเมียร์ลีก มีแผนที่จะขาย แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กับ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ สองเซนเตอร์แบ็กของทีม ในช่วงตลาดซัมเมอร์นี้ เพื่อปรับโครงสร้างแนวรับของทีมให้แข็งแกร่งขึ้น   

ฟุตบอล อินไซเดอร์ รายงานว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะเปลี่ยนแปลงแนวรับอีกครั้งในช่วงซัมเมอร์นี้ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้มากขึ้นสำหรับฤดูกาล 2023-24 แผนการแรกคือการขายของเก่าออกไปก่อนทั้ง แม็กไกวร์ และ ลินเดอเลิฟ ที่ไม่ใช่ตัวหลักยุค เอริค เทน ฮาก   

เทน ฮาก แสดงความชัดเจนว่าต้องการให้สโมสรเคลียร์กองหลังในทีมชุดปัจจุบันบางคนออกไปเสียก่อน ในจำนวนนั้นมีสองเซนเตอร์แบ็กตัวหลักในยุคของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา อย่าง แม็กไกวร์ และ ลินเดอเลิฟ ที่ปัจจุบันยังคงเป็นที่ต้องการในตลาดซื้อขาย   

แม็กไกวร์ แม้ยังไม่ถูกริบปลอกแขนกัปตันทีม แต่ได้โอกาสลงเล่นไปเพียง 23 เกมในฤดูกาลนี้ รวมเวลาที่อยู่ในสนาม 1,086 นาที ขณะที่ ลินเดอเลิฟ ก็ใกล้เคียงกัน 1,397 นาที จาก 21 เกมในช่วงเวลาของ เทน ฮาก เพราะคู่เซนเตอร์แบ็กตัวเลือกแรกคือ ลีซานโดร มาร์ตีเนซ กับ ราฟาแอล วาราน   

ทั้งนี้ แม็กไกวร์ ยังคงได้รับความสนใจจากหลายทีมพรีเมียร์ลีก หนึ่งในนั้นคือ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ขณะที่ ลินเดอเลิฟ อาจไปชุบชีวิตใหม่กับ อินเตอร์ มิลาน

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือแมนฯ ซิตี้ แสดงความเป็นห่วง เออร์ลิง ฮาลันด์ ลูกทีมคนเก่งว่าจะเจอปัญหาในอนาคตจากการที่ผลิตสกอร์เป็นว่าเล่นจนสร้างความคาดหวังแก่แฟนบอล

เออร์ลิง ฮาลันด์ ดาวยิงฟอร์มฮอตกระทุ้งประตูไป 8 ลูกจากการลงเล่น 2 เกมหลังสุดที่เจอกับ แอร์เบ ไลป์ซิก ในศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก และ เบิร์นลี่ย์ ในบอลถ้วย เอฟเอ คัพ และจนถึงตอนนี้ยอดจำนวนสกอร์มากถึง 42 ประตูจากการลงเล่น 37 นัด

ต่อเรื่องความร้อนแรงดังกล่าวทำให้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นายใหญ่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แสดงความกังวลถึงปัญหาที่จะตามมาหลังจากนี้ โดยบอกว่า ฮาลันด์ จะเจอความคาดหวังว่าจะต้องยิงได้อย่างน้อย 3 ลูกในทุก ๆ เกม


"เขาคนนี้จะมีปัญหาในอนาคต ผู้คนจะคาดหวังว่าเขาต้องทำประตูได้ 3 หรือ 4 ลูกในแต่ละเกม ซึ่งสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้น" กวาร์ดิโอล่า กล่าว

"ผมรู้จักเขา เขาไม่ได้สนใจอะไรหรอก เขาเป็นคนที่คิดบวกในชีวิต มองโลกในแง่ดี, ไม่เคยบ่น, มักจะมองตัวเองเสมอ มันเหลือเชื่อมากที่เขาทำได้ 9 ประตู เขาคุกคามได้อย่างน่าเหลือเชื่อ, มีพลัง, มีความสุขในชีวิตตลอด ซึ่งนั่นจะช่วยได้"

ลิเวอร์พูล จะติดท็อปโฟร์ไหมหลังโดน นิวคาสเซิ่ล ทิ้งไปแล้ว 5 คะแนน? ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของพ่อมดคำนวณมีคำตอบมาให้แล้ว

เอ็ดดี้ ฮาว ผู้จัดการทีม นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด นำทัพ "สาลิกาดง" เก็บ 3 คะแนนสุดล้ำค่าได้สำเร็จ หลังบุกไปเฉือนเอาชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 2-1 ถึงถิ่น ซิตี้ กราวนด์ ในศึก พรีเมียร์ลีก เมื่อวันศุกร์ที่ 17 มีนาคม ที่ผ่านมา

ฟอเรสต์ ได้เฮก่อนในนาทีที่ 26 จาก เอ็มมานูเอล เดนนิส แต่ นิวคาสเซิ่ล มาได้ประตูตีเสมอ 1-1 ช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก จาก อเล็กซานเดอร์ อิซัค ก่อนที่ครึ่งหลัง "สาลิกาดง" จะมาได้ประตูแซงจากการสังหารจุดโทษของ อิซัค นาที 90+3

ชัยชนะนัดนี้ทำให้ นิวคาสเซิ่ล รั้งอันดับห้ามีเพิ่มเป็น 47 แต้ม จาก 26 นัด ไล่จี้ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ทีมอันดับสี่ ที่ลงเตะมากกว่าหนึ่งนัด เหลือแค่แต้มเดียวเท่านั้น และทิ้ง ลิเวอร์พูล อันดับหกที่เล่นเท่ากันไปแล้ว 5 แต้ม

ขณะที่ เว็บไซต์ ไฟฟ์ เธอร์ตี้ เอจท์ ของ เนต ซิลเวอร์ นักสถิติคนดังระดับโลกชาวอเมริกัน ซึ่งได้รับฉายาว่าพ่อมดคำนวณ นำข้อมูลมาประมวลหาทีมที่จะติดท็อปโฟร์ พรีเมียร์ลีก โดยผลออกมาว่า นิวคาสเซิ่ล มีโอกาสมากสุดที่จะตาม อาร์เซน่อล, แมนฯ ซิตี้ และ แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าโควตาไปเล่นถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้า

ทีม  โอกาสติดท็อปโฟร์

1. อาร์เซน่อล >99%

2. แมนฯ ซิตี้ >99%

3. แมนฯ ยูไนเต็ด 72%

4. นิวคาสเซิ่ล 42%

5. สเปอร์ส  32%

6. ลิเวอร์พูล 26%

7. ไบรท์ตัน 24%

8. เบรนท์ฟอร์ด 3%

9. เชลซี  1%

ทีมที่เหลือโอกาสไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์

เอริค เทน ฮาก กุนซือ แมนฯ ยูไนเต็ด ระบุ ถึงแม้ทีมของตนจะมีพัฒนาการที่ดีแต่พวกเขาต้องปรับปรุงกันอีกเพื่อที่จะได้อยู่ในกลุ่มลุ้นแชมป์ลีกได้ พร้อมบอกว่าทุกวันนี้การลุ้นแชมป์ใน พรีเมียร์ลีก มันยากกว่าที่ผ่านมาด้วย

เอริค เทน ฮาก ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กล่าวว่า "ปีศาจแดง" ยังมีจุดที่ต้องปรับปรุงอีกถึงจะสามารถก้าวขึ้นไปมีลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อย่างเต็มตัวได้

ซีซั่นนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีผลงานโดยรวมดีกว่าฤดูกาลก่อนอย่างเห็นได้ชัด โดยพวกเขาซิวแชมป์ คาราบาว คัพ ไปครองได้แล้วด้วยจนถือเป็นแชมป์ระดับ เมเจอร์ รายการแรกของทีมนับตั้งแต่ปี 2017 ซึ่งมันก็ทำให้มีบางคนมองว่าทีมของ เทน ฮาก อาจจะกลายเป็นหนึ่งในแคนดิเดตสำหรับการลุ้นแชมป์ลีกได้ในอนาคตอันใกล้

กุนซือชาวดัตช์เผยว่า "ผมคิดว่าเรามีพัฒนาการที่ดี แต่เราก็ต้องตระหนักด้วยว่ามันยังมีช่องว่างอยู่ ผมไม่คิดหรอกว่าเราจะลดช่องว่างที่ว่าได้อย่างรวดเร็ว เราอยากชนะให้ได้ในทุกนัดไม่ว่าจะต้องเจอกับใครก็ตาม"

"ใน พรีเมียร์ลีก มันไม่เคยมีช่วงไหนที่การลุ้นแชมป์จะยากเท่ากับตอนนี้ เพราะมันมีทีมที่อยู่ในข่ายลุ้นแชมป์หลายทีม มันไม่ได้เป็นการแข่งขันกันของม้าแค่ 2 ตัวอีกต่อไป มันมีถึง 5, 6 หรือ 7 ทีมที่ได้ลุ้นแชมป์ นอกจากเราแล้วมันก็มีอีก 6 หรือ 7 สโมสรที่อยากประสบความสำเร็จเหมือนกับเรา"

"คุณต้องเล่นด้วยฟอร์มที่ดีมากๆ ถ้าอยากจะได้แชมป์ลีก ซึ่งเราก็ตั้งเป้าเอาไว้แบบนั้น แต่ทีมอื่นก็จะทำการลงทุนครั้งใหญ่และจะใช้เงินเป็นจำนวนมาก (ในการเสริมทัพ) แถมพวกเขาเหล่านั้นยังมีผู้จัดการทีมเก่งๆ รับงานคุมทีมให้และมีนักเตะชั้นยอดหลายคนอยู่ในทีมด้วย ดังนั้นมันต้องดูกันที่รายละเอียดหลายอย่าง"

"ในฤดูกาลนี้เราเอาชนะ (ทีมใหญ่) มาได้ครบทุกทีมใน พรีเมียร์ลีก ดังนั้นในมุมหนึ่งน่ะก็ต้องบอกว่าเรามีศักยภาพดีพอที่จะได้ลุ้นแชมป์ แต่เราก็ตระหนักด้วยว่าเรายังต้องทำอีกหลายอย่าง เราต้องไม่คิดไกลเกินไป เราต้องดูกันไปแบบนัดต่อนัด นั่นแหละคือรากฐานของความสำเร็จ"

เกิดเรื่องน่าตกใจในเกม ยูฟ่า ยูธ ลีก เมื่อ เบน โด๊ค ปีกอนาคตไกลของ ลิเวอร์พูล ถึงขั้นสลบคาสนามหลังจากพยายามกระโดดโหม่งบอลจนกระแทกกับแข้งของ สปอร์ติ้ง ลิสบอน เดชะบุญที่สุดท้ายแล้วอาการของเขาไม่ได้ร้ายแรงมากนัก

เบน โด๊ค ปีกดาวรุ่งของ ลิเวอร์พูล ยอดสโมสรแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ หมดสติกลางสนามระหว่างเกม ยูฟ่า ยูธ ลีก (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ระดับเยาวชน) รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดที่ทีมของเขาเจอกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน เมื่อวันอังคารที่ 14 มีนาคม ที่ผ่านมา

ชอตดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงนาทีที่ 5 ของการแข่งขัน โดย ฮาร์วี่ย์ ดาวี่ส์ ผู้รักษาประตูของ ลิเวอร์พูล เปิดบอลยาวมาหา โด๊ค ซึ่งแข้งวัย 17 ปีก็พยายามกระโดดขึ้นโหม่ง แต่จังหวะนั้นมี เชา มูนิซ นักเตะของ สปอร์ติ้ง ขึ้นโขกด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ มันดูเหมือนว่า โด๊ค จะโดนกระแทกเข้าที่ศีรษะ ซึ่งหลังจากเท้าแตะพื้นแล้วนั้นเขาก็เอามือกุมบริเวณหัวทันที และถึงแม้จะยังยืนอยู่ได้แต่เขาก็โซเซพักหนึ่งก่อนที่จะลงไปนอนกับพื้นสนาม ทำให้กรรมการตัดสินใจเป่าหยุดการแข่งขันเป็นการชั่วคราวเพื่อให้ทีมแพทย์เข้ามาดูอาการของแข้งชาวสกอตต์

หลังจากนั้น โด๊ค สามารถลุกขึ้นมายืนได้ แต่เขาก็โดนเปลี่ยนตัวอย่างรวดเร็ว โดยสุดท้ายเกมนี้ทีมเยาวชนของ สปอร์ติ้ง เป็นฝ่ายชนะไป 1-0 ขณะที่ ลิเวอร์พูล แถลงการณ์ในเวลาต่อมาว่า โด๊ค ไม่เป็นอะไรมาก "เบน รู้สึกมึนๆ ตอนอยู่ในสนาม แต่เขาผ่านการประเมินอาการทุกอย่างตอนอยู่ที่ข้างสนามและสามารถเดินออกจากสนามได้ ตอนจบเกมเขาอยู่ในสนามร่วมกับทีมด้วย และตอนนี้ก็อยู่บนรถโค้ชเพื่อเดินทางไปยังสนามบินแล้ว"

เหล่านักเตะกับสตาฟฟ์ของ อาร์เซน่อล ฉลองชัยเหนือ ฟูแล่ม โดยที่โพสต์ภาพร่วมกับหน้าปัดนาฬิกาจำลองอันใหญ่ ซึ่งหลายคนเชื่อว่าพวกเขาสื่อถึงการนับถอยหลังสู่การเป็นแชมป์ลีกในซีซั่นนี้

อาร์เซน่อล โพสต์ภาพพร้อมกับแบบจำลองของหน้าปัดนาฬิกาที่เคยประดับอยู่ที่ ไฮจ์บิวรี่ อดีตสนามเหย้าของพวกเขา หลังจบเกมที่ "ไอ้ปืนใหญ่" บุกไปชนะ ฟูแล่ม 3-0 ถึงสนาม คราเว่น ค็อตเทจ ในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคม ที่ผ่านมา

ชัยชนะนัดดังกล่าวทำให้ อาร์เซน่อล เก็บเพิ่มเป็น 66 คะแนนจากการลงเล่น 27 นัด พร้อมกับทำให้พวกเขากลับไปนำ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เป็นอันดับ 2 อยู่ที่ 5 คะแนนเท่าเดิม ส่งผลให้ทีมของกุนซือ มิเกล อาร์เตต้า เข้าใกล้กับการได้แชมป์ลีกเป็นสมัยแรกนับตั้งแต่ปี 2004 มากขึ้น

ทั้งนี้ หลังจากจบการแข่งขันไปแล้วนั้น เหล่านักเตะและสตาฟฟ์ของ อาร์เซน่อล ถ่ายภาพร่วมกันในห้องแต่งตัวโดยที่ถือหน้าปัดของ คล็อก เอ็นด์ (Clock End) ซึ่งเป็นนาฬิกาที่เคยแขวนอยู่ที่ ไฮจ์บิวรี่ เอาไว้ด้วย โดยตอนได้แชมป์ลีกครั้งล่าสุดนั้นพวกเขายังใช้ ไฮจ์บิวรี่ เป็นสนามเหย้าอยู่

นอกจากนี้ เข็มที่ใช้บอกนาทีของหน้าปัดจำลองดังกล่าวยังชี้อยู่ตรงเลข 11 อีกต่างหาก ซึ่งตอนนี้ อาร์เซน่อล ก็เหลือเกมลีกอีก 11 นัดพอดี นั่นทำให้แฟนบอล อาร์เซน่อล หลายคนเชื่อว่านี่เป็นการนับถอยหลังสู่ตำแหน่งแชมป์นั่นเอง

เปิด 10 อันดับนักเตะยิงเยอะสุดรอบปีปฎิทิน 2023 ใน 5 ลีกใหญ่ยุโรป มาร์คัส แรชฟอร์ด ยืนหนึ่งตามมาด้วย โจนาธาน เดวิด และ คิลิยัน เอ็มบัปเป้

มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายเป็นนักเตะที่โชว์ฟอร์มได้ร้อนแรงสุดตั้งแต่จบฟุตบอลโลก 2022 และเป็นผู้นำดาวซัลโวของ 5 ลีกใหญ่ยุโรป (อังกฤษ, สเปน, อิตาลี, เยอรมัน และ ฝรั่งเศส) หากนับเฉพาะแค่รอบปีปฎิทิน 2023 ที่เจ้าตัวทำไปแล้วถึง 15 ประตูในทุกรายการ

ขณะที่ โจนาธาน เดวิด กองหน้า ลีลล์ ในศึก ลีก เอิง ฝรั่งเศส ตามมาเป็นอันดับสองร่วมจากการยิงไปแล้ว 12 ประตูในปี 2023 หลังเพิ่งทำแฮตทริกได้ในเกมเสมอ โอลิมปิก ลียง 3-3 เมื่อวันศุกร์ที่ 10 มีนาคม ที่ผ่านมา เท่ากับ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ดาวยิง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง

10 อันดับนักเตะใน 5 ลีกใหญ่ยุโรปทำประตูมากสุดปีปฎิทิน 2023

1. มาร์คัส แรชฟอร์ด (แมนฯ ยูไนเต็ด) - 15 ประตู

2. โจนาธาน เดวิด (ลีลล์) - 12 ประตู

2. คิลิยัน เอ็มบัปเป้ (เปแอสเช) - 12 ประตู

 4. วิคเตอร์ โอซิมเฮน (นาโปลี) - 11 ประตู

 4. วิสซาม เบน เยแดร์ (โมนาโก) - 11 ประตู

6. ยูสเซฟ เอน-เนซีรี่ (เซบีย่า) - 10 ประตู

6. ธีส์ ดัลลิงกา (ตูลูส) - 10 ประตู

 6. อเลซ็องดร์ ลากาแซตต์ (ลียง) - 10 ประตู

9. คาริม เบนเซม่า (เรอัล มาดริด) - 9 ประตู

9. เลาตาโร่ มาร์ตีเนซ (อินเตอร์ มิลาน) - 9 ประตู

เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล ประกาศชัด ในช่วงซัมเมอร์นี้จะยังเน้นช็อปในแดนกลางให้ได้ต่อให้ สเตฟาน บายเซติช กับ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ จะทำผลงานได้ดีก็ตาม ท่ามกลางกระแสข่าวลือระหว่าง "หงส์แดง" กับ จู๊ด เบลลิงแฮม ที่มีออกมาอย่างต่อเนื่อง

เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่ของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปิดเผยว่าจะยังเน้นเสริมทัพในตำแหน่งแดนกลางให้ได้ในช่วงซัมเมอร์นี้ แม้ว่า สเตฟาน บายเซติช กองกลางดาวรุ่งจะทำผลงานได้ยอดเยี่ยม รวมถึงแม้ว่า ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ จะเล่นได้ดีขึ้นในระดับหนึ่งก็ตาม

ฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล มีผลงานโดยรวมดร็อปลงจากซีซั่นก่อนๆ ซึ่งหลายคนมองว่ามันเป็นเพราะแผงมิดฟิลด์ของพวกเขาไม่แกร่งเหมือนเดิม โดยที่ คล็อปป์ เองก็เคยแสดงท่าทีเห็นด้วยกับเรื่องนั้น แต่เขามักจะยืนกรานว่าต้องการเฉพาะนักเตะที่เข้ากับทีม ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่า "หงส์แดง" ให้ความสนใจไปที่ จู๊ด เบลลิงแฮม กองกลาง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

อย่างไรก็ตาม พักหลังมันเริ่มมีการตั้งประเด็นกันว่า ลิเวอร์พูล ยังควรจะเน้นช็อปในตำแหน่งแผงกลางอยู่หรือไม่หลังจาก บายเซติช ก้าวขึ้นมาทำผลงานโดยรวมได้โดดเด่น ส่วน เอลเลียตต์ ก็เล่นได้ดีขึ้นในระดับหนึ่ง แต่ล่าสุด คล็อปป์ บอกเองว่าแผนการทำทีมยังคงเป็นแบบเดิม

คล็อปป์ เผยว่า "เรารู้ดีว่าเราต้องการอะไร มันไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ผมคงไม่บอกหรอกว่าเราพิจารณาถึงปัจจัยของ สเตฟาน ตั้งแต่ตอนที่เราวางแผนงานกันในช่วงเดือนกันยายน/ตุลาคม แต่แน่นอนว่าตอนนี้เขาเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ว่า มันคงจะบ้ามากถ้าไม่เป็นอย่างนั้น"

"เขาเป็นนักเตะชั้นยอด และเราก็ดีใจมากๆ ที่เขาช่วยเกมรับของเราได้ในตอนที่เราจำเป็นต้องปรับปรุงเรื่องการเล่นเกมรับกัน การช่วยเหลือในด้านเกมรับของเขามันน่าทึ่งในทุกทีมที่เขาเล่นให้ เขายืนตำแหน่งได้ดี, เป็นนักเตะที่ฉลาดที่มาพร้อมกับวิสัยทัศน์ที่ดี โดยรวมแล้วเขาเป็นนักเตะที่ดีและมีเทคนิคที่น่าประทับใจ แต่เราต้องการนักเตะมากกว่านี้ เราไม่สามารถลงเล่นตลอดทั้งฤดูกาลด้วยการมีกองกลางแค่ 3 คนได้"

กรณีของ เอลเลียตต์ นั้น คล็อปป์ บอกว่า "เขาค่อนข้างเป็นนักเตะที่ดีสำหรับคนที่มีอายุ 19 ปี จริงไหม ? เขายังทำอะไรได้มากกว่านี้อีก แน่นอนว่าเราหวังพึ่งพาพวกเขา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่พิจารณา (การเสริมทัพ) ในช่วงซัมเมอร์นี้"

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีกองกลาง ลิเวอร์พูล 3 คนที่เหลือสัญญากับทีมจนถึงจบฤดูกาลนี้ นั่นคือ นาบี เกอิต้า, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน และ เจมส์ มิลเนอร์ ซึ่งมีการคาดกันว่า 2 รายแรกจะย้ายออกจากทีม ส่วนกรณีของ มิลเนอร์ ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าจะมีการขยายสัญญากันหรือไม่

แฮร์รี่ เคน ระบุ สำหรับทีมระดับ สเปอร์ส แล้วนั้น การได้ท็อปโฟร์มันไม่ใช่ความสำเร็จที่น่าพึงพอใจอีกแล้ว แต่เสริมว่าตอนนี้มันเป็นเพียงเป้าหมายเดียวที่ยังเหลืออยู่ของ "ไก่เดือยทอง" ในซีซั่นนี้

แฮร์รี่ เคน กองหน้าคนดังของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สโมสรดังของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยอมรับว่าการจบฤดูกาลด้วยการติด 4 อันดับแรกของตารางคะแนนได้นั้นไม่ใช่ความสำเร็จที่น่าพึงพอใจสำหรับทีมระดับ "ไก่เดือยทอง" อีกต่อไป

สเปอร์ส เพิ่งตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายของศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จนทำให้ฤดูกาลนี้พวกเขาไม่เหลือลุ้นแชมป์รายการอะไรอีกแล้ว และมันทำให้อนาคตของ เคน กลายเป็นประเด็นร้อนทันที เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมามักจะมีข่าวลือว่าเขาอาจจะย้ายออกจากทีมเพื่อไปตามหาแชมป์กับที่อื่น หลังจากเจ้าตัวยังไม่เคยได้แชมป์ระดับเมเจอร์เลยทั้งที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหัวหอกชั้นยอดของโลกลูกหนังในยุคปัจจุบัน

หลังจากโดนถามว่าทุกวันนี้การติดท็อปโฟร์ยังถือว่าเป็นความสำเร็จที่น่าพึงพอใจของทีมระดับ สเปอร์ส หรือไม่แล้วนั้น เคน ก็ตอบว่า "ไม่ ผมไม่คิดว่าอย่างนั้น จากสถานะของสโมสรในตอนนี้แล้วน่ะเราควรจะที่ได้แชมป์มาครอง นั่นเป็นเป้าหมายของเราอยู่เสมอ"

"การที่เรามีเป้าหมายว่าต้องติดท็อปโฟร์ให้ได้มันเป็นผลลัพธ์จากการที่เราไม่สามารถเล่นได้ตามที่เราต้องการ ตอนนี้สิ่งที่เราพอจะทำได้เหลือแค่การติดท็อปโฟร์ให้ได้เท่านั้น ดังนั้นนั่นเลยเป็นเป้าหมายของเราในตอนนี้ และหวังว่าเราจะทำอย่างนั้นได้เมื่อจบฤดูกาลไปแล้ว แต่แน่นอนว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ดีพอสำหรับสโมสรแห่งนี้"

หลุยส์ ซาฮา กางปีกป้อง บรูโน่ แฟร์นันด์ส เต็มเปี่ยม พร้อมบอกว่าถ้าเพื่อนร่วมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด คนไหนไม่พอใจที่โดน บรูโน่ ตำหนิ คนเหล่านั้นก็ควรจะเปลี่ยนงานไปเลยจะดีกว่า

หลุยส์ ซาฮา อดีตกองหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กล่าวปกป้อง บรูโน่ แฟร์นันด์ส มิดฟิลด์ "ปีศาจแดง" หลังจากหลายคนตำหนิดาวเตะชาวโปรตุกีสว่าแสดงพฤติกรรมหลายอย่างที่ไม่เหมาะสมกับการเป็นกัปตันทีม ระหว่างเกมที่ แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ ลิเวอร์พูล 0-7 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม ที่ผ่านมา

บรูโน่ ได้รับหน้าที่ให้เป็นกัปตันทีมของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในช่วงหลายนัดที่ผ่านมาหลังจากที่ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เจ้าของตำแหน่งปลอกแขนหลุดจากการเป็นตัวจริง แต่ในเกมกับ ลิเวอร์พูล นั้น บรูโน่ มีทั้งชอตที่เหวี่ยงแขนแสดงความไม่พอใจกับฟอร์มของเพื่อนร่วมทีมและการตัดสินของกรรมการ ไปจนถึงมีชอตที่ผลักผู้กำกับเส้นด้วย ซึ่งมันก็ทำให้มีการตั้งประเด็นกันว่าเขาควรจะได้เป็นกัปตันทีมต่อไปหรือไม่

ซาฮา เผยว่า "ผมจะปกป้อง บรูโน่ ทุกคนมีสิทธิ์ทำพลาดกันได้ทั้งนั้น เขาจะเรียนรู้จากมันและแสดงปฏิกิริยาต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้ บางทีเขาคงจะได้เห็นว่าแฟนๆ กับเหล่ากูรูพูดอะไรกันบ้างเกี่ยวกับพฤติกรรมของเขาแล้วคิดเกี่ยวกับมัน"

"ผมคิดว่าเขาอยากชนะให้ได้ นั่นคือสิ่งที่ผมเห็นในตัวเขา ถ้านักเตะคนอื่นๆ รอบตัวเขาไม่พอใจกับการแสดงท่าทางของเขาและกังวลเกี่ยวกับการโดนกัปตันทีมของตัวเองตำหนิแล้วล่ะก็ คนเหล่านั้นก็ควรจะหางานอื่นทำไปซะ แค่นั้นแหละ คุณจำเป็นต้องยอมรับเรื่องแบบนั้นให้ได้ ขนาดตัว รอย คีน เองก็ยังเคยทำแบบนั้นเลย เขามองหาปฏิกิริยาจากคนในทีมอยู่เสมอไม่ว่ามันจะเป็นการกระทำที่ถูกหรือไม่ก็ตาม"