รอย คีน ระบุ ถ้าตนต้องแพ้ในเกมใหญ่แบบย่อยยับเหมือนอย่างที่ล่าสุด แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ ลิเวอร์พูล 0-7 แล้วล่ะก็ ตนก็คงจะหายหน้าหายตาไปพักหนึ่ง พร้อมชม "หงส์แดง" ที่ทำผลงานได้สุดยอดในเกมนี้

รอย คีน ตำนานกองกลางของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กล่าวว่าถ้าเป็นตนแล้วนั้นตนจะหนีไปหลบซ่อนตัวอยู่หลายเดือน หลังจากล่าสุด "ปีศาจแดง" แพ้ ลิเวอร์พูล 0-7 ในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม ที่ผ่านมา

ก่อนลงเล่นเกมนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีฟอร์มโดยรวมที่โดดเด่นกว่า ลิเวอร์พูล จนทำให้หลายคนของฝั่งทีมดังแห่งเมืองแมนเชสเตอร์เชื่อว่าพวกเขามีลุ้นที่จะได้ผลการแข่งขันดีๆ กลับบ้าน แต่กลับกลายเป็นว่า "หงส์แดง" ชนะได้แบบขาดลอย

คีน กล่าวว่า "บรรดานักเตะรุ่นใหญ่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด พวกที่เราพูดยกย่องกันอย่างมากก่อนเริ่มเกมน่ะคือคนที่ทำให้สโมสรผิดหวังในวันนี้ ผมพูดอยู่เสมอว่าถ้าเราแพ้เกมใหญ่ด้วยสกอร์ 0-6 หรือ 0-7 อย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้แล้วล่ะก็ คนที่เป็นนักเตะก็คงจะต้องหนีไปซ่อนตัวทันที"

"ถ้าเป็นผมน่ะผมจะไม่แค่หนีไปซ่อนตัวเพียงไม่กี่วันด้วยซ้ำ ผมว่าผมจะหายหน้าหายตาไปหลายเดือนเลย! มันเป็นผลงานที่น่าอับอายมากๆ สำหรับนักเตะ"

"คุณจะทำอะไรได้อีกล่ะ ? เกมมันจบไปแล้ว พวกเขาต้องฟื้นตัวกลับมาให้ได้ พวกเขามีเกมถ้วยยุโรปนัดสำคัญรออยู่ในช่วงกลางสัปดาห์ แต่เราก็ไม่ควรจะมองข้ามสิ่งที่ ลิเวอร์พูล ทำได้ในวันนี้ พวกเขาดูเฉียบคม, มีสภาพร่างกายที่สดขึ้น, มีความเฉียบขาด และดูมหัศจรรย์มากๆ ผมไม่มั่นใจว่าผมจะสามารถพูดอะไรนอกจากนี้ได้อีก ผมช็อกไปเลย"

กาเบรียล อั๊กบอนลาฮอร์ เชื่อว่าศึกแดงเดือดระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นเพียงการเจอกันของทีมคู่อริอันดับสามในเกาะอังกฤษ เท่านั้น โดยที่เจ้าตัวสร้างความประหลาดใจในการเลือกอันดับที่ 5

กาเบรียล อั๊กบอนลาฮอร์ อดีตกองหน้า แอสตัน วิลล่า กล่าวว่าเกมระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังไม่ใช่เกมที่เจ๋งที่สุดในสหราชอาณาจักร ซึ่งเจ้าตัวมองว่ายังเป็นรองอีกสองศึกที่ดุเดือดยิ่งกว่า

"หงส์แดง" กับ "ปีศาจแดง" มีคิวลงฟาดแข้งกันในคืนวันอาทิตย์นี้ โดยแฟนบอลหลายคนเชื่อว่านี่คือเกมการแข่งขันของคู่อริที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน อังกฤษ เมื่อมองถึงองค์ประกอบจากประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของทั้งสองสโมสร

อย่างไรก็ตาม ผู้สันทัดกรณีรายนี้ได้มองต่างจากคนอื่น ๆ อย่างสิ้นเชิง โดย "แก๊บบี้" เผยผ่าน ทอล์คสปอร์ต ว่า "แดงเดือด" ยังเป็นรองอีก 2 ศึก

"ดาร์บี้ แมตช์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ เรนเจอร์ส/เซลติก ซึ่งทั้งคู่อยู่ในลิสต์ของผมที่จะต้องไปดูให้ได้" เจ้าตัวเผย

"เมื่อคุณดูเกมนี้ทางทีวี คุณจะมีความรู้สึกถึงอะดรีนาลีนเข้มข้น คุณรับรู้สึกได้ถึงบรรยากาศจากแฟน ๆ ได้เห็นสองทีมที่ต่างเกลียดซึ่งกันและกัน นั่นคือดาร์บี้ที่ยิ่งใหญ่ สำหรับผม ดาร์บี้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน อังกฤษ ยังห่างไกลมาก"

"คู่อื่นอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด เจอ แมนฯ ซิตี้ ก็ไม่ใช่สำหรับผม"

"ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ด/ลิเวอร์พูล ก็จริงที่ว่าเขาคือคู่อริกัน แต่ทุกวันนี้ผู้เล่นทั้งสองทีมยังเชคแฮนด์กันอยู่เลย"

เมื่อถูกถามถึงว่าเกมคู่ไหนที่เขามองว่ายิ่งใหญ่รองลงมาจาก "โอลด์ เฟิร์ม ดาร์บี้" อั๊กบอนลาฮอร์ ได้เลือกการเจอกันระหว่าง แอสตัน วิลล่า เจอ เบอร์มิงแฮม เป็นอันดับสอง

"มันมีความเกลียดชังกันระหว่างแฟนบอลทั้งสองทีม(วิลล่า, เบอร์มิงแฮม)"

"เรา(อั๊กบอนลาฮอร์ เคยเล่นให้ แอสตัน วิลล่า) ทราบดีว่าเราต้องเอาชนะ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ให้ได้ และเรารู้ว่ามันมีความหมายต่อแฟนบอลมากแค่ไหน"

"ต่อให้ที่ผ่านมาคุณมีเกมแย่ ๆ 4 หรือ 5 เกม แต่คุณต้องเอาชนะ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ในศึก พรีเมียร์ลีก ให้ได้ ถ้าทำได้ก็เหมือนกับว่าคุณได้รับการให้อภัยจากผลงานที่ผ่านมา"

"เกมดาร์บี้ที่ครั้งใหญ่  มันปะทุเดือดมาก คุณเห็นได้จากตอนที่ แจ็ค กรีลิช (ที่ถูกทำร้ายจากแฟนบอลในปี 2019) ซึ่งคุณไม่เห็นได้จากเกมใด ๆ ในฟุตบอลอังกฤษ มันทำให้เห็นถึงความเกลียดชังระหว่างทั้งสองสโมสร"

ขณะที่เกมที่ยิ่งใหญ่อันดับ 4 ในความเห็นของ อั๊กบอนลาฮอร์ นั้น เจ้าตัวมองว่าเป็นการเจอกันระหว่าง เวสต์แฮม กับ มิลวอลล์ แต่ที่ทำเอาหลายคนสงสัยคืออันดับ 5 ที่เขาเลือกเกมระหว่าง ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ เจอ เชลซี มาก่อนศึก นอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้ ระหว่าง "ไก่เดือยทอง" เจอ อาร์เซน่อล

"ดูเหมือนว่าเกมนี้จะไม่ยิ่งใหญ่อะไรอีกต่อไปแล้วล่ะ" อั๊กบอนลาฮอร์ เผยถึงการเลือกคู่ สเปอร์ส-อาร์เซน่อล ติดเพียงอันดับ 5

ส่วนเกมอื่น ๆ อย่าง นิวคาสเซิ่ล-ซันเดอร์แลนด์, แมนฯ ซิตี้-แมนฯ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล-เอฟเวอร์ตัน ต่างไม่ติดอันดับในความเห็นของอดีตดาวเตะความเร็วสูงเลย

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีมสมองเพชรของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เชื่อมั่นว่า แว็งซ็องต์ กอมปานี โค้ชชาวเบลเยียม มีโอกาสที่จะก้าวเข้ามาทำหน้าที่เป็นกุนซือทัพ "เรือใบสีฟ้า" ในอนาคต

ตำนานกองหลังกัปตันทีมแมนฯ ซิตี้ ประสบความสำเร็จกับต้นสังกัดเก่ามากมายในฐานะนักเตะ และตอนนี้ก็ผันตัวเองไปทำงานโค้ชล่าสุดกุมบังเหียน เบิร์นลี่ย์ ทะลุเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ ศึกเอฟเอ คัพ ซึ่งต้องปะทะกับ "เรือใบสีฟ้า" ในช่วงกลางเดือนนี้

สำหรับผลงานการคุมทีมในถิ่นเทิร์ฟ มัวร์ ของ กอมปานี ได้รับคำชื่นชมอย่างมาก และดูเหมือนว่าโชคชะตาจะขีดเส้นให้เขาจะได้กลับไปทำงานกับ แมนฯ ซิตี้ ในอนาคต ซึ่งเรื่องนี้ กวาร์ดิโอล่า ยอมรับว่ามีความเป็นไปได้เลยทีเดียว

"เราทุกคนที่อยู่ที่นี่ และแฟนบอลมีความสุขมากๆ ที่เขาจะกลับมา (คุม เบิร์นลี่ย์ เยือนถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม เกมเอฟเอ คัพ) ไม่ช้าก็เร็วเขาจะกลับมา โชคชะตาของเขาในการเป็นผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว"

"มันจะต้องเกิดขึ้น ผมไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ แต่มันจะเกิดขึ้นแน่นอนผมมั่นใจ มันเป็นความรู้สึกของผม บางทีผมอาจผิด เขามีคุณสมบัติครบถ้วน ทั้งความมุ่งมั่นตั้งใจ, ความรอบรู้ในเกม ได้รับความเคารพนับถือ และมีประสบการณ์"

"สิ่งที่เขาทำมันยากลำบากมากๆ และเขาก็ทำได้ดีจริงๆ เขารู้จักสโมสร, สภาพแวดล้อม, แฟนบอล สิ่งที่เราต้องการ ทั้งหมดนี้เป็นโชคชะตาฟ้าลิขิต" ตำนานกุนซือบาร์เซโลน่า และ บาเยิร์น มิวนิค กล่าว

ทั้งนี้ หลังจากที่ กอมปานี แขวนสตั๊ดเขาตัดสินใจบ่มเพาะงานโค้ชด้วยการรับหน้าที่กุมบังเหียน อันเดอร์เลชท์ 3 ปี โดยผลงานก็ถือว่าโดดเด่น จนกระทั่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมเบิร์นลี่ย์ และตอนนี้สโมสรแทบการันตีได้ขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลหน้า หลังมีคะแนนทิ้งห่าง มิดเดิ้ลสโบรช์ อันดับ 3 ถึง 19 คะแนน

ชีคห์ ฮาหมัด บิน ยาสซิม บิน จาเบอร์ อัล ธานี่ บิดาของ ชีคห์ ยาสซิม บิน ฮาหมัด อัล ธานี่ ระบุ ลูกชายของตนมุ่งมั่นกับการหวังฮุบ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่บอกว่าส่วนตัวแล้วไม่ชอบการลงทุนในครั้งนี้ พร้อมบอกว่าตนไม่ได้ชื่นชอบฟุตบอลมากนัก ซึ่งต่างกับลูกชายอย่างมาก

ชีคห์ ฮาหมัด บิน ยาสซิม บิน จาเบอร์ อัล ธานี่ บิดาของ ชีคห์ ยาสซิม บิน ฮาหมัด อัล ธานี่ กล่าวว่าลูกชายของตนมีความมุ่งมั่นที่จะเทคโอเวอร์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้ได้มากๆ

หลายเดือนก่อนตระกูลเกลเซอร์ประกาศว่าพร้อมพิจารณาข้อเสนอจากกลุ่มทุนอื่นๆ ทั้งในแบบการขอซื้อทีมแบบถาวรหรือซื้อหุ้นบางส่วน ซึ่งในแง่ของดีลแบบเทคโอเวอร์นั้นมี 2 รายที่ยื่นข้อเสนอเกี่ยวกับเรื่องนั้นไปแล้ว นั่นคือกลุ่มทุนจากกาตาร์ที่นำโดย ชีคห์ ยาสซิม บิน ฮาหมัด อัล ธานี่ และของ เซอร์ จิม แร็ตคลิฟฟ์ มหาเศรษฐีของสหราชอาณาจักร

ชีคห์ ฮาหมัด บิน ยาสซิม บิน จาเบอร์ อัล ธานี่ ซึ่งเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีของ กาตาร์ ด้วยนั้น เยผว่า "ผมไม่ได้ชื่นชอบฟุตบอลน่ะนะ พูดกันตามตรงแล้วผมไม่ชอบการลงทุนนี้เท่าไหร่ สุดท้ายมันอาจจะได้ผลลัพธ์ที่ดีก็ได้ แต่ลูกชายบางคนของผมชอบอะไรแบบนี้ พวกเขาคุยกับผมเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่เสมอ พวกเขากำลังพยายามผลักดันอย่างหนักเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่มันไม่ใช่จุดที่ผมเชี่ยวชาญ"

"ผมพูดอย่างนี้แล้วกัน ผมน่ะเป็นนักลงทุน ถ้าเกิดวันหนึ่งมันเป็นการลงทุนที่ดีแล้วล่ะก็ผมก็จะพิจารณาเกี่ยวกับมัน ผมจะไม่พิจารณาธุรกิจอะไรก็ตามถ้าเกิดคุณทำในแนวทางที่เหมือนกับว่ามันเป็นเพียงการโฆษณาเท่านั้น"

เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล ยกนิ้วชมนักเตะที่เล่นเกมรับได้แข็งแกร่งจนทำให้ชนะ วูล์ฟส์ ในนัดล่าสุด พร้อมบอกว่าเกมแดงเดือดในวันอาทิตย์นี้จะเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่สำหรับ "หงส์แดง"

เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล กล่าวชมลูกทีมที่เล่นเกมรับกันได้อย่างยอดเยี่ยมในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่พวกเขาเปิดรัง แอนฟิลด์ เอาชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 2-0 เมื่อวันพุธที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา

ลิเวอร์พูล หวังที่จะเรียกฟอร์มเก่งกลับมาให้ได้หลังจากไม่ชนะมา 2 เกมติดต่อกันในทุกรายการ ซึ่งพวกเขาก็ทำสำเร็จจากประตูของ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ในนาทีที่ 73 และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ในนาทีที่ 77 ทำให้ "หงส์แดง" เก็บเพิ่มเป็น 39 คะแนนจากการลงเล่น 24 นัด ตามหลัง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ทีมในอันดับ 4 เหลือ 6 แต้ม โดยทีมของ คล็อปป์ ลงเล่นน้อยกว่า 1 เกมด้วย

กุนซือชาวเยอรมันเผยว่า "เรารู้ดีอยู่แล้วว่ามันจะเป็นเกมที่ยาก แต่เราก็คุมเกมเอาไว้ได้นานพอตัว มันมีบางจังหวะที่เราเร่งรีบกันเกินไป แต่ในครึ่งหลังเราก็เรียกจังหวะของเรากลับมาได้ สิ่งที่เราต้องทำก็มีแค่การเล่นเกมรับให้แข็งแกร่งและพยายามสร้างโอกาสทำประตูให้ได้ ซึ่งโดยรวมแล้วคืนนี้เราก็เล่นเกมรับกันได้ดีเลย"

"การที่ ดีโอโก้ (โชต้า) รับบทบาทแบบหมายเลข 10 มันสำคัญมากๆ แผงกลางของเราเล่นด้วยความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ เราเล่นเกมรับกันได้ดีตั้งแต่ในแดนของพวกเขา และแย่งบอลในจังหวะสำคัญๆ ได้ คืนนี้ อาลี่ (อลีสซง) ไม่จำเป็นต้องโชว์ฟอร์มเซฟแบบสวยๆ มากนักซึ่งนี่นถือเป็นเรื่องดี"

"ในเกมกับ มาดริด เรามีผลงานที่ย่ำแย่ เราเล่นกันได้ดีในครึ่งแรกแต่เริ่มครึ่งหลังกันได้ไม่ดี แต่วันนี้เราดูมีความมั่นคงมากขึ้น ซึ่งเราก็ต้องทำแบบนั้นให้ได้ต่อไป"

คล็อปป์ เสริมว่าเกมแดงเดือดกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในวันอาทิตย์นี้นั้น จะเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่สำหรับทีมของตน เพราะอีกฝ่ายกำลังฟอร์มฮอตสุดๆ "มันเป็นเกมใหญ่ เราต้องเจอกับทีมที่กำลังฟอร์มร้อนแรง เราต้องเตรียมตัวให้พร้อม และเราจะสู้กับพวกเขาอย่างเต็มที่"

พอล เมอร์สัน ฟันธง มิไคโล มูดริค ไม่ได้เป็นนักเตะที่ แกรม พ็อตเตอร์ หมายตาเอาไว้จริงๆ พร้อมบอกว่า เชลซี เล่นกันได้แย่สุดๆ ในเกมที่พ่าย สเปอร์ส จนถึงขนาดที่ต่อให้เป็นตนก็สามารถเล่นให้ "สิงโตน้ำเงินคราม" ในชุดนั้นได้เลย

พอล เมอร์สัน ตำนานดาวเตะ อาร์เซน่อล แสดงความเชื่อว่า มิไคโล มูดริค ปีกชาวยูเครน ไม่ใช่นักเตะที่ แกรม พ็อตเตอร์ ผู้จัดการทีม เชลซี อยากได้มาร่วมทัพตามความต้องการของตัวเองเป็นหลัก

มูดริค กลายเป็นนักเตะที่ถูกพูดถึงอย่างมากในตลาดช่วงหน้าหนาวที่ผ่านมา หลังจากตอนแรก อาร์เซน่อล ให้ความสนใจในตัวเขา และดาวเตะวัย 22 ปีก็แสดงท่าทีว่าอยากย้ายไปเล่นให้ "ไอ้ปืนใหญ่" สุดๆ ด้วย

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายกลายเป็น เชลซี ที่ปาดหน้าคว้าตัว มูดริค ไปร่วมทัพหลังยอมจ่ายค่าตัวโดยรวม 88 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,696 ล้านบาท) โดยว่ากันว่าเขาได้คุยกับ พ็อตเตอร์ ก่อนที่จะย้ายซบ "สิงโตน้ำเงินคราม" ด้วย ซึ่งในช่วงแรกๆ มูดริค โชว์ลีลาได้น่าตื่นตาตื่นใจพอตัว แต่ช่วงหลังๆ ฟอร์มก็แผ่วลงไปนิดหน่อย

เมอร์สัน กล่าวในรายการของ สกายสปอร์ตส์ สื่อกีฬาชั้นนำของเมืองผู้ดีว่า "ในเกมกับ ท็อตแน่ม น่ะ เชลซี ดูไม่มีลุ้นที่จะทำประตูได้สักนิดเดียวต่อให้จะได้ลงเล่นในวันอาทิตย์ตลอดทั้งก็ตาม มิไคโล มูดริต มีค่าตัว 88 ล้านปอนด์แต่ต้องนั่งอยู่ที่ซุ้มม้านั่งสำรอง นั่นเป็นการบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขาไม่ใช่นักเตะของ พ็อตเตอร์ ถ้าเขาเป็นนักเตะของเขา และ พ็อตเตอร์ ไปบอกกับบอร์ดบริหารว่าต้องการตัว มูดริค จริงๆ แล้วล่ะก็ เขาก็น่าจะส่งนักเตะคนนั้นลงเล่น (เป็นตัวจริง) ไปแล้วสิ"

อดีตแข้งวัย 54 ปีเสริมว่า เชลซี เล่นได้แย่มากๆ ในเกมที่แพ้ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ จนถึงขั้นที่ตนน่าจะพอเล่นให้ เชลซี ไหวด้วยซ้ำ "มันไม่มีช่วงไหนเลยที่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะยิงใส่ สเปอร์ส ได้ ถ้าดูแค่เกมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาน่ะผมสามารถเล่นให้ เชลซี ได้ด้วยซ้ำในตอนที่พวกเขาได้ครองบอล เพราะพวกเขาต่อเกมกันได้ช้ามากๆ นี่ขนาดผมมีอายุ 54 ปีแล้วนะ!"

"ผมหมุนตัวไม่ได้แล้วก็จริง แต่ผมยังสามารถผ่านบอลได้ และน่าจะพอเล่นให้ทีมชุดนั้นได้ พวกเขาขึ้นเกมกันเชื่องช้า, เอาแต่ผ่านบอลไปด้านข้างไม่ก็จ่ายบอลกลับหลัง ขนาดผมเองก็ยังเล่นแบบนั้นได้ต่อให้จะอายุเยอะแล้วก็เถอะ"

เอมิเลียโน่ มาร์ตีเนซ นายทวารจอมหนึบชาวอาร์เจนไตน์ของ แอสตัน วิลล่า เปิดใจหลังผงาดคว้ารางวัลผู้รักษาประตูชายยอดเยี่ยมของ ฟีฟ่า หรือ "เดอะ เบสต์ ฟีฟ่า เมนส์ โกลคีปเปอร์" ประจำปี 2022 จากการประกาศรางวัลเมื่อวันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

มาร์ตีเนซ ได้รับการโหวตเอาชนะอีกสองตัวเต็งอย่าง ติโบต์ กูร์กตัวส์ (เบลเยียม / เรอัล มาดริด) และ ยาสซีน บูนู (โมร็อกโก / เซบีย่า) จากผลงานอันโดดเด่นที่ช่วยทีมชาติอาร์เจนตินา คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว

อดีตนายด่าน "ไอ้ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ซึ่งเดินทางมารับรางวัลสำคัญในชีวิตที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส กล่าวว่า "ครอบครัวของผมให้การสนับสนุนผมมาตลอด รวมทั้ง แอสตัน วิลล่า และผู้คนจำนวนมากในทีมชาติอาร์เจนตินา"

"มันเป็นความใฝ่ฝันมาตลอดในชีวิตของผมที่จะได้เล่นให้ทีมชาติ มีหลายคนถามผมว่าตอนเด็กๆ  คุณฝันถึงผู้รักษาประตูคนไหน ? ผมเห็นแม่ของผมทำความสะอาดตึก 8 ชั่วโมงต่อวัน ผมเห็นพ่อของผมทำงานหนักมาก พวกท่านคือไอดอลของผม" มาร์ตีเนซ ระบุ

แกรม พ็อตเตอร์ ผู้จัดการทีมเก้าอี้ร้อนของ เชลซี เผยวัฎจักรลูกหนังย่อมมีขึ้นมีลง ฉะนั้นแฟนบอลต้องใจเย็นๆ อย่างเพิ่งรีบตัดสินผลงานของตน พร้อมยกตัวอย่างกรณีของ มิเกล อาร์เตต้า กับ เจอร์เก้น คล็อปป์ สองผู้จัดการทีมที่ตอนนี้สถานการณ์ชีวิตกลับตาลปัตรสุดๆ

กุนซือชาวอังกฤษ กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก หลังผลงานในการคุม "สิงโตน้ำเงินคราม" ย่ำแย่จนหน้าใจหายทั้งๆ ที่สโมสรทุ่มเงินสร้างทีมมากมายมหาศาลแต่กลายเป็นว่าทีมฟอร์มมีแต่สาละวันเตี้ยลง

ล่าสุด เชลซี โดน ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ทีมคู่อริร่วมกรุงลอนดอนทุบ 0-2 ทำให้เริ่มมีกระแสข่าวออกมาอย่างต่อเนื่องว่าอนาคตของ พ็อตเตอร์ ในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ใกล้จะถึงทางตันแล้ว

สำหรับกรณีนี้ พ็อตเตอร์ แสดงความเห็นว่าการที่จะสร้างทีมๆ หนึ่งให้ประสบความสำเร็จไม่ใช่ทำได้ง่ายๆ และต้องใช้เวลาดูได้จากผลงานของ อาร์เตต้า ที่ อาร์เซน่อล และ คล็อปป์ กับ ลิเวอร์พูล

"อาร์เซน่อล แต่งตั้ง มิเกล เข้ามาคุมทีม 2 ปีแล้ว และเขาเกือบโดนไล่ออก มีหลายคนอยากให้เขาออกไป มันย่ำแย่สุดๆ และแน่นอนว่าตอนนี้หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปแล้ว ส่วน คล็อปป์ กับ ลิเวอร์พูล พวกเขาไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ หลายคนต้องการให้ปลดเขา นี่แหละธรรมชาติของฟุตบอล" พ็อตเตอร์ ระบุ

ทั้งนี้ อาร์เตต้า กำลังนำ อาร์เซน่อล มีลุ้นคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ สมัยแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2003/2004 ขณะที่ คล็อปป์ ที่สามารถนำ "หงส์แดง" คว้าแชมป์ได้มากมายแต่สำหรับซีซั่นนี้ผลงานของทีมย่ำแย่สุดๆ และมีข่าวว่าจะโดนปลดออกจากตำแหน่งหลายครั้งหลายหน

"ไอ้ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ได้รับข่าวดีก่อนบุกไปดวล เลสเตอร์ ซิตี้ วันเสาร์นี้ เพราะมีแววได้ โธมัส ปาร์เตย์ มิดฟิลด์คนเก่ง คืนสู่ทีม แม้นักเตะยังไม่ได้ซ้อมเต็มที่ก็ตาม

มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีม อาร์เซน่อล เผยว่า โธมัส ปาร์เตย์ กองกลางตัวรับคนสำคัญ อาจจะฟิตทันช่วยทีมในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ "ไอ้ปืนใหญ่" บุกไปเยือน เลสเตอร์ ซิตี้ วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์นี้

 ปาร์เตย์ ไม่ได้ช่วย อาร์เซน่อล ในสองเกมล่าสุดที่เจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ แอสตัน วิลล่า เนื่องจากมีปัญหาบาดเจ็บที่ต้นขา โดยถึงแม้ ดาวเตะชาวกานาวัย 29 ปี ยังไม่ได้ซ้อมเต็มรูปแบบ แต่ อาร์เตต้า แย้มว่า มีโอกาสที่นักเตะจะพร้อมลงสนามในเกมที่ คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม

"ผมคงปรับเปลี่ยนทีมไม่มากหรอก ซึ่งแน่นอนว่า คำถามตอนนี้อยู่ที่ โธมัส" อาร์เตต้า กล่าวในงานแถลงข่าวก่อนเกม เมื่อวันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ "เขายังซ้อมไม่มาก แต่เขาอาจจะพร้อมสำหรับเกมนี้ ยังไงก็รอดูการซ้อมในวันนี้อีกทีแล้วกัน เขาเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่เราขาดไปในช่วงหลังๆ ซึ่งก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เขาจะพร้อมสำหรับเกมนี้"

ปัจจุบัน อาร์เซน่อล รั้งตำแหน่งจ่าฝูงในตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก โดยมี 54 แต้ม จากการลงแข่ง 23 นัด นำ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมอันดับสอง ที่ลงเตะมากกว่าหนึ่งนัด 2 แต้ม

คาร์ล-ไฮนซ์ รุมเมนิกเก้ อดีตแข้งคนดัง ออกมาเฉ่งและเหน็บ เชลซี, ยูเวนตุส และ บาร์เซโลน่า ยกใหญ่ โดยกรณีของ "อาซูลกราน่า" เขาถึงขั้นบอกเลยว่าไม่แปลกใจสักนิดที่อีกฝ่ายตกเป็นข่าวว่าจ่ายเงินให้บริษัทของอดีตเชิ้ตดำในระดับ ลา ลีกา

คาร์ล-ไฮนซ์ รุมเมนิกเก้ ตำนานกองหน้าชาวเยอรมัน ตำหนิและเหน็บแนมทั้ง เชลซี, ยูเวนตุส และ บาร์เซโลน่า เกี่ยวกับประเด็นการใช้เงินเสริมทัพและเรื่องอื้อฉาวต่างๆ

เชลซี สร้างความฮือฮาในตลาดการเสริมทัพด้วยการใช้เงินในฤดูกาลนี้ไปรวมแล้วเกิน 600 ล้านปอนด์ (ประมาณ 24,600 ล้านบาท) แต่บางคนมองว่าพวกเขาใช้เงินกันเยอะเกินไป ส่วน ยูเวนตุส กลายเป็นข่าวดังภายหลังโดนฟ้องว่าปลอมแปลงบัญชีจนโดนตัดไปถึง 15 แต้ม ขณะที่ บาร์เซโลน่า เพิ่งถูกแฉว่าเคยจ่ายเงินให้บริษัทของอดีตรองประธานคณะกรรมการผู้ตัดสินประจำศึก ลา ลีกา

กรณีของ เชลซี นั้น รุมเมนิกเก้ บอกว่า "หลายสโมสรในอังกฤษใช้เงินอย่างบ้าคลั่งแบบไร้เหตุผล ในขณะที่สโมสรของชาติอื่นๆ ในทวีปยุโรปเจอกับเรื่องอื้อฉาวและถูกฟ้องร้องเรื่องการเงิน แต่พวกเขาก็ยังมีแชมป์ติดมือ เชลซี เสียเงินไปหลายร้อยล้านยูโรแต่ตอนนี้กลับอยู่ที่ 10 ของตารางคะแนน มันไม่สมเหตุสมผลสุดๆ สถานการณ์ปัจจุบันของตลาดมันทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำกัน ครั้งหนึ่งตลาดมันเคยดำเนินการแบบเฉพาะภายในแวดวงฟุตบอลจนทำให้เงินยังหมุนเวียนอยู่ในระบบแท้ๆ มันควรจะมีการใช้ความร่ำรวยในทางที่ดีกว่านี้"

ส่วนรายของ ยูเวนตุส อดีตประธานบริหารของ บาเยิร์น กล่าวว่า "ผมไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ ยูเวนตุส ทำเลย ในชีวิตของผมน่ะผมไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้มาก่อน ยูเวนตุส เป็นสโมสรชั้นนำของอิตาลีและของยุโรป แต่พวกเขากลับทำเรื่องที่เหมือนกับเป็นการทำเข้าประตูตัวเอง แต่ผมมั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถก่อร่างสร้างตัวกันได้อีกครั้งในช่วงเวลาที่เหมาะสม

ในประเด็นของ บาร์เซโลน่า รุมเมนิกเก้ เผยว่า "ผมขำก๊ากเลยตอนอ่านเจอข่าวนี้ แต่ผมไม่แปลกใจหรอกนะ ทุกครั้งที่เราไปเล่นใน สเปน น่ะผมจะรู้สึกแปลกๆ อยู่ตลอด (รุมเมนิกเก้ สื่อว่าส่วนตัวแล้วคิดว่ากรรมการมักจะเป่าเข้าข้าง บาร์เซโลน่า) เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ ไม่ใช่แค่เฉพาะระดับการแข่งขันภายในประเทศด้วย ประเด็นของการตัดสินมันต้องดำเนินการด้วยความจริงจังและการเคารพกัน"